เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อมูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถดูข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย หรือ ติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
พบต้นตอ "ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2019" พาหะนำสู่คนยังล่องหน
อาการของโรค การป้องกันโรค และวิธีรักษา
โคโรน่าไวรัส จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 ถึง 7 วัน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการสังเกตอาการผู้ป่วยที่สัมผัสโรค หรือเดินทางมาจากแหล่งระบาดของโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน อาการที่ต้องสงสัย คือ มีไข้ และอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่นมี น้ำมูก ไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก แม้โอกาสที่จะเกิดการระบาดในไทยค่อนข้างยาก ประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกติ เพียงแต่หลีกเลี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วย, หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ บ่อยๆ, รับประทานอาหารปรุงสุก, ใช้ช้อนกลาง, ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจทุกราย ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ป้องกันการไอจาม คนทั่วไปสามารถใช้หน้ากากธรรมดาทั่วไปได้ โดยให้ส่วนที่เป็นสีเขียวหันออกด้านหน้า ขาวอยู่ด้านใน อย่าไปกลับสลับด้านหมุนเวียนใช้งาน ห้ามเด็ดขาด, หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในบริเวณที่มีผู้คน ไอ จาม, บุคลากรทางการแพทย์ต้องสวมใส่ชุดป้องกัน เพราะมีรายงานแพทย์ในพื้นที่ระบาดเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสแล้ว,(Eileen AJ Connelly, 2020) เตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงเพื่อสู้กับโรคภัยหากติดเชื้อ พักผ่อนอย่างเพียงพอ หากมีโรคประจำตัวต้องหมั่นตรวจรักษา ปัจจุบัน (28 ม.ค.63) ยังไม่มียาต้านไวรัส ต้องรักษาบรรเทาไปตามอาการของโรค จนกว่าร่างกายจะมีภูมิต้านทาน และหายเป็นปกติ ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
วิธีแก้ปัญหา ป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
ขึ้นอยู่กับการควบคุมอำนาจแพร่ระบาด หรือการกระจายของโรค เช่น ประเทศจีนบังคับใช้วิธี ปิดเมือง ห้ามคนในออก คนนอกห้ามเข้า และส่งทีมแพทย์เข้าไปรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วในพื้นที่ระบาด ใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน โดยคิดง่ายๆว่า ผู้ป่วย 1 คน กระจายโรคไปได้ 2 คน เมื่อรักษาผู้ป่วยแล้ว ก็จะได้ผู้ที่มีภูมิต้านทานมากขึ้น จนถึงครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย หรือ 50% การระบาดก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า เริ่มสงบ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสนี้ก็จะกลายเป็นแค่โรคประจำถิ่น (endemic) มีการติดเชื้อเป็นหย่อมๆ จนกว่าจะมีภูมิต้านทานกันหมดทุกคน